ปิดโฆษณา

คดีที่กำลังดำเนินอยู่เกี่ยวกับ Epic Games vs. Apple นำเสนอข้อมูลที่ค่อนข้างน่าสนใจที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ในบันทึกถึงนักลงทุน Samik Chatterjee นักวิเคราะห์ของ JP Morgan เน้นย้ำรายละเอียดและข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับ App Store ที่ใช้เป็นหลักฐานในการเปิดข้อโต้แย้งของการพิจารณาคดี

ตัวอย่างเช่น Apple ประมาณการว่าตนเป็นเจ้าของประมาณ 23-38% ของตลาดธุรกรรมเกม App Store ทั้งหมด โดยส่วนที่เหลือจะแยกกันระหว่างบริษัทอื่นๆ Chatterjee กล่าวว่าข้อมูลนี้สนับสนุนมุมมองที่ชัดเจนว่า Apple ไม่มีอำนาจผูกขาดในส่วนนี้ นอกจากนี้ ในระหว่างการกล่าวเปิดงานทนายความของ Apple พวกเขาเน้นย้ำว่าค่าคอมมิชชั่น 30% สำหรับการซื้อแอปพลิเคชันและเกม และการซื้อในแอปนั้นเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม บริษัทอื่นๆ ที่เรียกเก็บเงินจำนวนเท่ากัน ได้แก่ Sony, Nintendo, Google และ Samsung

ข้อโต้แย้งหลักประการหนึ่งที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของ Apple ให้เป็นการ์ดก็คือจำนวนเงินที่ Apple ได้แจกจ่ายให้กับนักพัฒนาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในเดือนธันวาคม 2009 มีมูลค่า 1,2 พันล้านดอลลาร์ แต่ในอีก 12 ปีต่อมาก็สูงขึ้น 10 เท่า นั่นคือ 2008 พันล้านดอลลาร์ App Store เปิดตัวเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. XNUMX โดยมีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันและเกมล้านครั้งแรกหลังจากใช้งาน XNUMX ชั่วโมงแรก

Fortnite ต้องโทษทุกอย่าง App Store ไม่มากนัก

สิ่งที่น่าสนใจคือ Epic Games ได้สร้างกรณีทั้งหมดในเกม Fortnite และความจริงที่ว่าผู้สร้างไม่ชอบจ่ายเงินให้ Apple 30% ของจำนวนเงินสำหรับไมโครทรานส์แอคชั่นที่ทำในเกม แต่ตัวเลขที่ได้รับตอนนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ทำการค้นคว้าใน Epic Games หรือเพียงแค่หมกมุ่นอยู่กับ Apple เพราะการเคลื่อนไหวของพวกเขาดูไม่สมเหตุสมผล

อุปกรณ์ Apple คิดเป็นส่วนแบ่งรายได้เพียงเล็กน้อยของ Fortnite PlayStation และ Xbox รวมกันคิดเป็น 75% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทจากเกม (โดย Sony ก็รับอีก 30% เช่นกัน) นอกจากนี้ ระหว่างเดือนมีนาคม 2018 ถึงกรกฎาคม 2020 มีเพียง 7% ของรายได้ที่มาจากแพลตฟอร์ม iOS แม้ว่าแน่นอนว่านี่อาจเป็นตัวเลขที่สูงในแง่การเงิน แต่ก็ยังต่ำกว่าอย่างมากเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ เหตุใด Epic Games จึงฟ้อง Apple ไม่ใช่ Sony หรือ Microsoft อุปกรณ์ iOS และ iPadOS ไม่ใช่ผู้เล่นแพลตฟอร์มเพียงกลุ่มเดียวที่เล่นเกม (หรือเคยเล่น) เกมดังกล่าว ตามข้อมูลของ Apple ผู้ใช้มากถึง 95% ใช้หรืออาจใช้อุปกรณ์อื่นที่ไม่ใช่ iPhone และ iPad ซึ่งโดยทั่วไปคือคอนโซลเพื่อเล่น Fortnite

.