ปิดโฆษณา

วันนี้เป็นวันแห่งโลกดนตรีด้วยข่าวสองข่าวที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดว่า Apple มีส่วนช่วยกำหนดทิศทางของโลกนี้อย่างไร เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2008 Apple ซึ่งมี iTunes Store กลายเป็นผู้ค้าปลีกเพลงรายใหญ่อันดับสองในสหรัฐฯ แซงหน้า Walmart เท่านั้น

ในระยะเวลาอันสั้น Apple ขายเพลงได้มากกว่า 4 พันล้านเพลงและให้บริการลูกค้ามากกว่า 50 ล้านคน ในช่วงห้าปีของการดำเนินงาน บริษัทขายเพลงให้กับผู้ใช้แต่ละคนได้เฉลี่ย 80 เพลง เนื่องจาก Apple มีรูปแบบธุรกิจที่แตกต่างจากผู้ค้าปลีกรายอื่นๆ โดยขายเพลงเดี่ยวนอกเหนือจากอัลบั้มเต็ม นักวิเคราะห์ของ NPD Group จึงต้อง "แปลง" หมายเลข iTunes Store เป็นอัลบั้มเฉลี่ย 12 เพลง นั่นคือวิธีที่พวกเขาพบว่า iTunes Music Store เป็นร้านเพลงที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองในประเทศ

Apple ตระหนักถึงความสำเร็จดังกล่าว และดำเนินการตามด้วยการเปิดร้านภาพยนตร์ที่เสนอทางเลือกในการเช่าภาพยนตร์นอกเหนือจากการจำหน่ายตามปกติ แต่เช่นเดียวกับที่ Apple สามารถ "ทำลาย" ซีดีจริงได้ในช่วงทศวรรษแรก ต่อมา Apple ก็ "จัดการ" ให้มีส่วนร่วมในการทำลายธุรกิจเพลงของตัวเอง

iTunes ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

เข้าสู่ปี 2020 ผู้ฟังจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ พึ่งพาการสตรีมเพลงจากบริการต่างๆ เช่น Apple Music, Spotify หรือ Tidal ข่าวล่าสุด สมาคมอุตสาหกรรมแผ่นเสียงแห่งอเมริกา (RIAA) รายงานว่าการสตรีมเพลงในปัจจุบันคิดเป็น 79% ของยอดขายทั้งหมด ยอดขายสื่อทางกายภาพ เช่น ซีดีหรือแผ่นเสียง คิดเป็น 10% และเป็นรูปแบบการจำหน่ายที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสอง

สถานที่สุดท้ายเป็นของร้านค้าดิจิทัลเช่น iTunes Music Store พวกเขาประสบปัญหาการลดลงมากที่สุด โดยยอดขายจากพวกเขาตอนนี้คิดเป็นเพียง 8% เท่านั้น นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2006 ที่ร้านค้าดิจิทัลสร้างรายได้น้อยกว่า XNUMX พันล้านดอลลาร์ ช่วงเวลาที่ iTunes กลายเป็นร้านขายเพลงที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยยอดขายกว่าหมื่นล้านเพลงเมื่อสิบปีที่แล้ว และมันเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก

ปัจจุบันบริการเพลงยอดนิยม ได้แก่ Apple Music และ Spotify คนแรกที่ชื่อมี เมื่อปีที่แล้วมีสมาชิกที่ใช้งานอยู่ 60 ล้านราย ซึ่งเพิ่มขึ้น 80% ในระหว่างนี้ ในทางตรงกันข้าม Spotify ซึ่งรายงานว่ามีผู้ใช้ที่ชำระเงิน 2019 ล้านคน ณ สิ้นปี 124 มีการเติบโต 29% เมื่อเทียบเป็นรายปี สิ่งที่น่าสนใจคือ Apple เพิกเฉยต่อ Spotify จนกว่าจะสายเกินไป ตามที่อดีตผู้บริหาร App Store กล่าว

.