ปิดโฆษณา

ในเดือนสิงหาคมของปีนี้ มีข่าวแพร่กระจายไปทั่วโลกว่า Apple ต้องการเน้นไปที่โฆษณาที่ปรากฏในแอปพลิเคชันข้ามระบบปฏิบัติการมากขึ้น ขณะนี้ข้อมูลกำลังปรากฏว่ากำลังพิจารณาที่จะนำไปใช้กับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งวิดีโอ Apple TV+ เช่นกัน จึงเกิดคำถามว่า “Apple จำเป็นด้วยเหรอ?” 

เงิน 4 พันล้านดอลลาร์ต่อปีที่ Apple ได้รับจากการโฆษณานั้นไม่เพียงพอสำหรับเขา ท้ายที่สุดนั่นคือสิ่งที่รายงานภาคฤดูร้อนพูดถึง ตามที่เธอพูด Apple ต้องการเข้าถึงตัวเลขสองหลักด้วยการผลักดันโฆษณาให้มากขึ้นใน App Store, แผนที่ หรือ Podcasts แต่ขอเพียงเท่านี้ก็พอใจแล้ว เพราะ Google กำลังพิจารณาที่จะนำโฆษณาเข้าสู่ระบบโดยตรง

Apple TV+ คุ้มค่าเงินและมีโฆษณา 

ตอนนี้มีข่าวแพร่สะพัดไปทั่วโลกว่าเราควร "รอ" โฆษณาใน Apple TV+ เหมือนกัน ท้ายที่สุดแล้วอาจไม่น่าแปลกใจเลยเพราะการแข่งขันก็เดิมพันด้วย แต่เราต้องการจ่ายเงินสำหรับเนื้อหาจริง ๆ และยังคงดูโพสต์ที่ต้องชำระเงินอยู่หรือไม่? อย่างแรก มันไม่ได้ขาวดำเท่าไหร่ อย่างที่สอง เรากำลังทำอยู่แล้ว

ตัวอย่างเช่น โทรทัศน์สาธารณะ เช่น ช่องคลาสสิกของโทรทัศน์เช็ก นอกจากนี้ เรายังจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อมันทุกเดือน และมันเป็นข้อบังคับด้วยซ้ำ และเราดูโฆษณาราวกับอยู่บนลู่วิ่งไฟฟ้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการออกอากาศ แล้วมันควรจะแตกต่างยังไงล่ะ? แน่นอนว่าประเด็นก็คือ Apple TV+ เป็นบริการ VOD ที่ให้บริการเนื้อหาตามความต้องการซึ่งเราสามารถรับชมได้ทุกเมื่อที่ต้องการ 

ช่องทีวีมีตารางรายการ มีทั้งเวลาออกอากาศที่แข็งแกร่งและอ่อนแอ และพื้นที่สำหรับโฆษณามีราคาตามนั้น แต่เวลาไม่สำคัญใน Apple TV+ และบริการอื่นๆ การโฆษณาภายในหน่วยนาทีต่อชั่วโมงอาจจะแสดงก่อนเริ่มรายการรับชม ดังนั้นจึงไม่ใช่ข้อจำกัดใหญ่ขนาดนั้น นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหาก Apple ทำเช่นนี้ ก็สามารถลดอัตราภาษีลงได้ ตรงนี้เราจะมีอันปัจจุบันอย่างที่เรารู้ บวกอีกอันในราคาครึ่งหนึ่งของค่าโฆษณา ในทางตรงกันข้าม สิ่งนี้อาจช่วยให้บริการขยายตัวได้

โฆษณาไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับการแข่งขัน 

บริการอย่าง HBO Max ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าการโฆษณาได้ผล ท้ายที่สุดแล้ว Disney+ ก็กำลังวางแผนเรื่องนี้เช่นกัน และตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไป เนื่องจาก Apple มีส่วนร่วมอย่างมากในด้านการออกอากาศกีฬา จึงเสนอโดยตรงที่จะแสดงโฆษณาที่ตรงเป้าหมายแก่ผู้ชมในช่วงพัก ดังนั้นจึงอาจไม่ใช่ความคิดที่ไม่ดีเช่นกัน ค่อนข้างน่าแปลกใจที่แทนที่จะกำหนดตัวเองและพยายามเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น Apple กลับหันไปทำสิ่งที่เราเกลียด นั่นก็คือการเสียเวลาอันมีค่าของเราไปโดยเปล่าประโยชน์ 

.